ความหมายของการสื่อสาร
การสื่อสาร หมายถึง
การแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือข่าวสารระหว่างบุคคล โดยผ่านระบบ
หรือกิริยาท่าทางที่สื่อหรือแสดงออกไปแล้วทำให้บุคคลนั้นเข้าใจกัน
โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญของการสื่อสาร มี 4 ประการ
ดังนี้
1. ผู้ส่งสาร คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูล ข่าวสารไปยังผู้รับสาร
1. ผู้ส่งสาร คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูล ข่าวสารไปยังผู้รับสาร
2. ข่าวสาร เนื้อหาของสารและการจัดสารก็จะต้องทำให้การสื่อความหมายง่ายขึ้น
3. สื่อหรือช่องทางในการรับสาร คือ
ประสาทสัมผัสทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น
และกายสัมผัสและตัวกลางที่มนุษย์สร้างขึ้นมา
4. ผู้รับสาร คือ ผู้ที่เป็นเป้าหมายของผู้ส่งสาร
ประเภทของการสื่อสาร
- ประเภทของการสื่อสารแบ่งตามวิธีการสื่อสาร
- ประเภทของการสื่อสารแบ่งตามวิธีการสื่อสาร
การแบ่งประเภทของการสื่อสารตามวิธีการสื่อสารนั้น
สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
1.1 การสื่อสารด้วยวาจาหรือ “วัจนภาษา”(Oral/Verbal Communication)เช่น การพูด
การร้องเพลงอย่างไรก็ตาม บางครั้งมีการนับเอาการเขียน (writing) และภาษาสัญญลักษณ์
(sign language)เข้าเป็นวัจนภาษาด้วย ด้วยเหตุที่ว่าต่างก็เป็นการนำเอาคำพูด “word” มาใช้
เหมือนกัน (Anderson,2007)
1.2 การสื่อสารที่ไม่ใช่วาจา หรือ “อวัจนภาษา” (Nonverbal Communication) เช่น
การสื่อสารด้วยตัวหนังสือ สีหน้า ท่าทาง ภาษามือ เสียงและน้ำเสียง เป็นต้น
- ประเภทของการสื่อสารแบ่งตามระดับของการสื่อสาร
นักวิชาการได้มีการจัดประเภทของการสื่อสารตามระดับ (levels)ของการสื่อสาร
แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้.............
1. การสื่อสารในตนเอง (Intrapersonal or Self-Communication) เป็นการสื่อสาร
ภายในตัวเอง หมายถึงบุคคลผู้นั้นเป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับในขณะเดียวกัน ได้แก่
1) การตระหนักรู้ตนเอง (self-concept หรือ self-awareness) เกี่ยวข้องกับปัจจัย 3 ประการ
ได้แก่ ความเชื่อ (beliefs) ค่านิยม (values) และทัศนคติ (attitudes) ปัจจัยทั้งสามประการนี้
ล้วนมี อิทธิพลต่อมนุษย์ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการพูดหรือการแสดงออกทางกายภาพ นักจิตวิทยา
บางคนได้รวมเอาภาพลักษณ์ทางร่างกาย(body image)เป็นองค์ประกอบของการสื่อสาร
ระหว่างบุคคล ด้วย เพราะภาพลักษณ์ทางร่างกายเป็นสิ่งที่เรารับรู้ตนเอง ไม่ว่าจะใน
เชิงบวกหรือเชิงลบก็ตาม ขึ้นอยู่กับมาตรฐานทางสังคมของวัฒนธรรมของเราสิ่งอื่นๆ
ที่อาจส่งผลต่อการตระหนักรู้ตนเอง ได้แก่ คุณลักษณะ (attributes) ความสามารถพิเศษ
(talents)บทบาททางสังคม (social role) เป็นต้น
2) การรับรู้(perception) ในขณะที่การตระหนักรู้ตนเองเป็นการมุ่งเน้นเรื่องภายใน
การรับรู้เป็นการมุ่งเน้นเรื่องภายนอก การที่คนเราจะรับรู้โลกภายนอกอย่างไรนั้น
ย่อมมีรากมาจากความเชื่อ ค่านิยม และทัศนคติ นั่นเอง ดังนั้น การตระหนักรู้ตนเอง
และการรับรู้จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกัน และมีอิทธิพลซึ่งกันและกันในการเกิดความเข้าใจ
ในตนและความเข้าใจต่อโลกภายนอก
3) ความคาดหวัง (expectation) เป็นการมองไปข้างหน้าเกี่ยวกับบทบาทในอนาคต
บางครั้งเป็น การคาดการณ์ความสัมพันธ์ที่เรียนรู้กันภายในครอบครัวหรือสังคม
กิจกรรมที่เกี่ยวกับการสื่อสารในตนเองมีหลายระดับ เช่น
1.1 การสื่อสารด้วยวาจาหรือ “วัจนภาษา”(Oral/Verbal Communication)เช่น การพูด
การร้องเพลงอย่างไรก็ตาม บางครั้งมีการนับเอาการเขียน (writing) และภาษาสัญญลักษณ์
(sign language)เข้าเป็นวัจนภาษาด้วย ด้วยเหตุที่ว่าต่างก็เป็นการนำเอาคำพูด “word” มาใช้
เหมือนกัน (Anderson,2007)
1.2 การสื่อสารที่ไม่ใช่วาจา หรือ “อวัจนภาษา” (Nonverbal Communication) เช่น
การสื่อสารด้วยตัวหนังสือ สีหน้า ท่าทาง ภาษามือ เสียงและน้ำเสียง เป็นต้น
- ประเภทของการสื่อสารแบ่งตามระดับของการสื่อสาร
นักวิชาการได้มีการจัดประเภทของการสื่อสารตามระดับ (levels)ของการสื่อสาร
แบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้.............
1. การสื่อสารในตนเอง (Intrapersonal or Self-Communication) เป็นการสื่อสาร
ภายในตัวเอง หมายถึงบุคคลผู้นั้นเป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับในขณะเดียวกัน ได้แก่
1) การตระหนักรู้ตนเอง (self-concept หรือ self-awareness) เกี่ยวข้องกับปัจจัย 3 ประการ
ได้แก่ ความเชื่อ (beliefs) ค่านิยม (values) และทัศนคติ (attitudes) ปัจจัยทั้งสามประการนี้
ล้วนมี อิทธิพลต่อมนุษย์ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการพูดหรือการแสดงออกทางกายภาพ นักจิตวิทยา
บางคนได้รวมเอาภาพลักษณ์ทางร่างกาย(body image)เป็นองค์ประกอบของการสื่อสาร
ระหว่างบุคคล ด้วย เพราะภาพลักษณ์ทางร่างกายเป็นสิ่งที่เรารับรู้ตนเอง ไม่ว่าจะใน
เชิงบวกหรือเชิงลบก็ตาม ขึ้นอยู่กับมาตรฐานทางสังคมของวัฒนธรรมของเราสิ่งอื่นๆ
ที่อาจส่งผลต่อการตระหนักรู้ตนเอง ได้แก่ คุณลักษณะ (attributes) ความสามารถพิเศษ
(talents)บทบาททางสังคม (social role) เป็นต้น
2) การรับรู้(perception) ในขณะที่การตระหนักรู้ตนเองเป็นการมุ่งเน้นเรื่องภายใน
การรับรู้เป็นการมุ่งเน้นเรื่องภายนอก การที่คนเราจะรับรู้โลกภายนอกอย่างไรนั้น
ย่อมมีรากมาจากความเชื่อ ค่านิยม และทัศนคติ นั่นเอง ดังนั้น การตระหนักรู้ตนเอง
และการรับรู้จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกัน และมีอิทธิพลซึ่งกันและกันในการเกิดความเข้าใจ
ในตนและความเข้าใจต่อโลกภายนอก
3) ความคาดหวัง (expectation) เป็นการมองไปข้างหน้าเกี่ยวกับบทบาทในอนาคต
บางครั้งเป็น การคาดการณ์ความสัมพันธ์ที่เรียนรู้กันภายในครอบครัวหรือสังคม
กิจกรรมที่เกี่ยวกับการสื่อสารในตนเองมีหลายระดับ เช่น
1) การสนทนาภายใน (Internal Discourse) เช่น
การคิด การตั้งอกตั้งใจ และ
การวิเคราะห์ นักจิตวิทยาบางคนรวมเอาการฝัน การสวดมนต์ การไตร่ตรอง และ
การทำสมาธิ ด้วย
2) การพูดหรือร้องเพลงคนเดียว (Solo Vocal Communication) เป็นการออก
เสียงดังๆเพื่อสื่อสารกับตนเองเพื่อทำให้ความคิดชัดเจนขึ้น หรือเป็นการปลดปล่อย
เช่น บ่นกับตนเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3) การเขียนคนเดียว (Solo Written Communication) เป็นการเขียนที่ไม่มี
ความตั้งใจจะให้ผู้อื่นได้รับทราบ เช่น การเขียนสมุดบันทึกส่วนตัว เป็นต้น
2. การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) เป็นการสื่อสาร
แบบเผชิญหน้าระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร เป็นการสื่อสารที่กระทำอย่าง
ทันทีทันใด (immediacy) และกระทำ ณ สถานที่เดียวกัน (primacy) ทำให้
เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบ (feedback) ได้ง่าย หากผู้ส่งสารและผู้รับสารมี
ความสัมพันธ์กันเป็นระยะเวลานาน การสื่อสารระหว่างบุคคลก็จะมี
ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การสื่อสารระหว่างบุคคลไม่ได้จำกัดเพียงวัจนภาษา
เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอวัจนภาษาด้วย วัตถุประสงค์ของการสื่อสารระหว่าง
บุคคลคือ เพื่อให้เกิดอิทธิพลระหว่างกันทางใดทางหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือ
ค้นหา แบ่งปัน และเล่นด้วยกันการสื่อสารระหว่างบุคคลนั้นสามารถ
จำแนกประเภทได้อีกตามจำนวนของผู้ที่มีส่วนร่วมในการสื่อสารได้แก่
การวิเคราะห์ นักจิตวิทยาบางคนรวมเอาการฝัน การสวดมนต์ การไตร่ตรอง และ
การทำสมาธิ ด้วย
2) การพูดหรือร้องเพลงคนเดียว (Solo Vocal Communication) เป็นการออก
เสียงดังๆเพื่อสื่อสารกับตนเองเพื่อทำให้ความคิดชัดเจนขึ้น หรือเป็นการปลดปล่อย
เช่น บ่นกับตนเองในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
3) การเขียนคนเดียว (Solo Written Communication) เป็นการเขียนที่ไม่มี
ความตั้งใจจะให้ผู้อื่นได้รับทราบ เช่น การเขียนสมุดบันทึกส่วนตัว เป็นต้น
2. การสื่อสารระหว่างบุคคล (Interpersonal Communication) เป็นการสื่อสาร
แบบเผชิญหน้าระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร เป็นการสื่อสารที่กระทำอย่าง
ทันทีทันใด (immediacy) และกระทำ ณ สถานที่เดียวกัน (primacy) ทำให้
เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบ (feedback) ได้ง่าย หากผู้ส่งสารและผู้รับสารมี
ความสัมพันธ์กันเป็นระยะเวลานาน การสื่อสารระหว่างบุคคลก็จะมี
ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การสื่อสารระหว่างบุคคลไม่ได้จำกัดเพียงวัจนภาษา
เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอวัจนภาษาด้วย วัตถุประสงค์ของการสื่อสารระหว่าง
บุคคลคือ เพื่อให้เกิดอิทธิพลระหว่างกันทางใดทางหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือ
ค้นหา แบ่งปัน และเล่นด้วยกันการสื่อสารระหว่างบุคคลนั้นสามารถ
จำแนกประเภทได้อีกตามจำนวนของผู้ที่มีส่วนร่วมในการสื่อสารได้แก่
1)
การสื่อสารระหว่างบุคคลสองคน (Dyadic Communication) เช่น แดงคุยกับดำ
2) การสื่อสารแบบกลุ่ม (Group Communication) เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่าง
บุคคลจำนวนสามคนขึ้นไปแต่ถ้าจำนวนคนผู้มีส่วนร่วมยิ่งน้อย การสื่อสารก็จะ
ใกล้เคียงกับการสื่อสา ระหว่างบุคคลมากขึ้น การสื่อสารแบบกลุ่มมักจะกระทำ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น
กลุ่มศึกษาในมหาวิทยาลัย เป็นต้น
3) การสื่อสารสาธารณะ (Public Communication) เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มใหญ่ๆ
โดยมีรูปแบบหลักเป็นวิธีการพูดฝ่ายเดียว (monologue) ซึ่งทำให้มีปฏิกิริยา
โต้ตอบน้อย ส่วนใหญ่เป็นการสื่อสาร เพื่อความบันเทิงและเพื่อการจูงใจ
เช่น การบรรยายในชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย
4) การสื่อสารองค์กร (Organizational Communication) เป็นการสื่อสารที่กระทำ
ในองค์กรขนาด ใหญ่ เช่นองค์กรธุรกิจ บางครั้งถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ
การสื่อสารกลุ่มแต่นักวิชาการมักเน้นการสื่อสารองค์กรไปที่การสื่อสาร
ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และระหว่างบุคคลที่มี บทบาทหน้าที่ต่างๆ
ในองค์กรธุรกิจเป็นหลัก
5) การสื่อสารครอบครัว (Family Communication) เป็นรูปแบบการสื่อสาร
ที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเดี่ยว(nuclear family) ครอบครัวขยาย
(extended family) และครอบครัวผสม (blended family) ที่เกิดจากการแต่งงาน
ระหว่างพ่อหม้ายและแม่หม้าย เช่น การสื่อสารระหว่างคู่สมรส
บิดามารดากับบุตร ญาติพี่น้อง เป็นต้น
3. การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) เป็นการสื่อสารที่บุคคลส่งข้อมูล
โดยอาศัยสื่อมวลชนไปยังผู้รับสารจำนวนมากพร้อมๆกันเมื่อเรากล่าวถึงสื่อมวลชน
(mass media) ดั้งเดิมมักจะหมายถึงหนังสือพิมพ์ วารสาร วิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และภาพยนตร์ เมื่อกล่าวถึงสื่อมวลชนสมัยใหม่อาจรวมถึง
อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถส่งข่าวสารไปยังผู้รับจำนวน
มากได้ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
- ประเภทของการสื่อสารตามทิศทางของการสื่อสาร
ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. การสื่อสารทางเดียว (One - Way Communication) เป็นการส่งข่าวสารหรือ
การสื่อความหมายไปยังผู้รับแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ผู้รับไม่สามารถมีการตอบสนอง
ในทันที (immediate response) ให้ผู้ส่งทราบได้ แต่อาจจะมีปฏิกิริยาสนองกลับ
(feedback) ไปยังผู้ส่งภายหลังได้ การสื่อสารในรูปแบบนี้จึงเป็นการที่ผู้รับ
ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้ทันที จึงมักเป็นการสื่อสารโดยอาศัยสื่อมวลชน
เช่น การฟังวิทยุ หรือการชมโทรทัศน์ เหล่านี้เป็นต้น
2. การสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication) เป็นการสื่อสารหรือการสื่อ
ความหมายที่ผู้รับมีโอกาสตอบสนองมายังผู้ส่งได้ในทันที โดยที่ผู้ส่งและผู้รับอาจจะ
อยู่ต่อหน้ากันหรืออาจอยู่คนละสถานที่ก็ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถมีการเจรจา
หรือการโต้ตอบกันไปมา โดยที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับ
ในเวลาเดียวกัน เช่น การพูดโทรศัพท์ การประชุม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ด้วย
ศักยภาพของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต การสื่อสารสอง
ทางสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเกิดระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่อาจเป็นการสื่อสาร
ระหว่างบุคคลกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้ และการตอบสนองก็ไม่จำเป็นต้องกระทำ
ในทันที เช่น การที่เราไปเขียนคำถามทิ้งไว้บนเว็บบอร์ดหรือกระดานข่าว อาจต้องรอ
เวลาที่จะมีคนมาตอบหรือให้ความเห็น ซึ่งก็จัดว่าเป็นการสื่อสารสองทางเช่นกัน
2) การสื่อสารแบบกลุ่ม (Group Communication) เกี่ยวข้องกับการสื่อสารระหว่าง
บุคคลจำนวนสามคนขึ้นไปแต่ถ้าจำนวนคนผู้มีส่วนร่วมยิ่งน้อย การสื่อสารก็จะ
ใกล้เคียงกับการสื่อสา ระหว่างบุคคลมากขึ้น การสื่อสารแบบกลุ่มมักจะกระทำ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแก้ปัญหาหรือการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น
กลุ่มศึกษาในมหาวิทยาลัย เป็นต้น
3) การสื่อสารสาธารณะ (Public Communication) เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มใหญ่ๆ
โดยมีรูปแบบหลักเป็นวิธีการพูดฝ่ายเดียว (monologue) ซึ่งทำให้มีปฏิกิริยา
โต้ตอบน้อย ส่วนใหญ่เป็นการสื่อสาร เพื่อความบันเทิงและเพื่อการจูงใจ
เช่น การบรรยายในชั้นเรียนในมหาวิทยาลัย
4) การสื่อสารองค์กร (Organizational Communication) เป็นการสื่อสารที่กระทำ
ในองค์กรขนาด ใหญ่ เช่นองค์กรธุรกิจ บางครั้งถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ
การสื่อสารกลุ่มแต่นักวิชาการมักเน้นการสื่อสารองค์กรไปที่การสื่อสาร
ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และระหว่างบุคคลที่มี บทบาทหน้าที่ต่างๆ
ในองค์กรธุรกิจเป็นหลัก
5) การสื่อสารครอบครัว (Family Communication) เป็นรูปแบบการสื่อสาร
ที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวเดี่ยว(nuclear family) ครอบครัวขยาย
(extended family) และครอบครัวผสม (blended family) ที่เกิดจากการแต่งงาน
ระหว่างพ่อหม้ายและแม่หม้าย เช่น การสื่อสารระหว่างคู่สมรส
บิดามารดากับบุตร ญาติพี่น้อง เป็นต้น
3. การสื่อสารมวลชน (Mass Communication) เป็นการสื่อสารที่บุคคลส่งข้อมูล
โดยอาศัยสื่อมวลชนไปยังผู้รับสารจำนวนมากพร้อมๆกันเมื่อเรากล่าวถึงสื่อมวลชน
(mass media) ดั้งเดิมมักจะหมายถึงหนังสือพิมพ์ วารสาร วิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และภาพยนตร์ เมื่อกล่าวถึงสื่อมวลชนสมัยใหม่อาจรวมถึง
อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สามารถส่งข่าวสารไปยังผู้รับจำนวน
มากได้ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
- ประเภทของการสื่อสารตามทิศทางของการสื่อสาร
ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. การสื่อสารทางเดียว (One - Way Communication) เป็นการส่งข่าวสารหรือ
การสื่อความหมายไปยังผู้รับแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ผู้รับไม่สามารถมีการตอบสนอง
ในทันที (immediate response) ให้ผู้ส่งทราบได้ แต่อาจจะมีปฏิกิริยาสนองกลับ
(feedback) ไปยังผู้ส่งภายหลังได้ การสื่อสารในรูปแบบนี้จึงเป็นการที่ผู้รับ
ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้ทันที จึงมักเป็นการสื่อสารโดยอาศัยสื่อมวลชน
เช่น การฟังวิทยุ หรือการชมโทรทัศน์ เหล่านี้เป็นต้น
2. การสื่อสารสองทาง (Two-Way Communication) เป็นการสื่อสารหรือการสื่อ
ความหมายที่ผู้รับมีโอกาสตอบสนองมายังผู้ส่งได้ในทันที โดยที่ผู้ส่งและผู้รับอาจจะ
อยู่ต่อหน้ากันหรืออาจอยู่คนละสถานที่ก็ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถมีการเจรจา
หรือการโต้ตอบกันไปมา โดยที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ส่งและผู้รับ
ในเวลาเดียวกัน เช่น การพูดโทรศัพท์ การประชุม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ด้วย
ศักยภาพของเทคโนโลยีในปัจจุบัน เช่น คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต การสื่อสารสอง
ทางสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องเกิดระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่อาจเป็นการสื่อสาร
ระหว่างบุคคลกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้ และการตอบสนองก็ไม่จำเป็นต้องกระทำ
ในทันที เช่น การที่เราไปเขียนคำถามทิ้งไว้บนเว็บบอร์ดหรือกระดานข่าว อาจต้องรอ
เวลาที่จะมีคนมาตอบหรือให้ความเห็น ซึ่งก็จัดว่าเป็นการสื่อสารสองทางเช่นกัน
อุปสรรคในการสื่อสาร
อุปสรรคในการสื่อสาร หมายถึง สิ่งที่ทำให้การสื่อสารไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ ของผู้สื่อสาร และผู้รับสาร อุปสรรคในการสื่อสารอาจเกิดขึ้นได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการสื่อสาร ดังนั้นอุปสรรค ในการสื่อสารจากองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้
อุปสรรคในการสื่อสาร หมายถึง สิ่งที่ทำให้การสื่อสารไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ ของผู้สื่อสาร และผู้รับสาร อุปสรรคในการสื่อสารอาจเกิดขึ้นได้ทุกขั้นตอนของกระบวนการสื่อสาร ดังนั้นอุปสรรค ในการสื่อสารจากองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้
-
อุปสรรคที่เกิดจากผู้ส่งสาร
1.1 ผู้ส่งสารขาดความรู้ความเข้าใจและข้อมูลเกี่ยวกับสารที่ต้องการจะสื่อ
1.2 ผู้ส่งสารใช้วิธีการถ่ายทอดและการนำเสนอที่ไม่เหมาะสม
1.3 ผู้ส่งสารไม่มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี และไม่เหมาะสม
1.4 ผู้ส่งสารมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการส่งสาร
1.5 ผู้ส่งสารขาดความพร้อมในการส่งสาร
1.6 ผู้ส่งสารมีความบกพร่องในการวิเคราะห์ผู้รับสาร
1.2 ผู้ส่งสารใช้วิธีการถ่ายทอดและการนำเสนอที่ไม่เหมาะสม
1.3 ผู้ส่งสารไม่มีบุคลิกภาพที่ไม่ดี และไม่เหมาะสม
1.4 ผู้ส่งสารมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการส่งสาร
1.5 ผู้ส่งสารขาดความพร้อมในการส่งสาร
1.6 ผู้ส่งสารมีความบกพร่องในการวิเคราะห์ผู้รับสาร
-
อุปสรรคที่เกิดจากสาร
2.1 สารไม่เหมาะสมกับผู้รับสาร อาจยากหรือง่ายเกินไป
2.2 สารขาดการจัดลำดับที่ดี สลับซับซ้อน ขาดความชัดเจน
2.3 สารมีรูปแบบแปลกใหม่ยากต่อความเข้าใจ
2.4 สารที่ใช้ภาษาคลุมเครือ ขาดความชัดเจน
2.2 สารขาดการจัดลำดับที่ดี สลับซับซ้อน ขาดความชัดเจน
2.3 สารมีรูปแบบแปลกใหม่ยากต่อความเข้าใจ
2.4 สารที่ใช้ภาษาคลุมเครือ ขาดความชัดเจน
-
อุปสรรคที่เกิดขึ้นจากสื่อ
หรือช่องทาง
3.1 การใช้สื่อไม่เหมาะสมกับสารที่ต้องการนำเสนอ
3.2 การใช้สื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพที่ดี
3.3 การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับระดับของการสื่อสาร
3.2 การใช้สื่อที่ไม่มีประสิทธิภาพที่ดี
3.3 การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมกับระดับของการสื่อสาร
-
อุปสรรคที่เกิดจากผู้รับสาร
4.1 ขาดความรู้ในสารที่จะรับ
4.2 ขาดความพร้อมที่จะรับสาร
4.3 ผู้รับสารมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้ส่งสาร
4.4 ผู้รับสารมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสาร
4.5 ผู้รับสารมีความคาดหวังในการสื่อสารสูงเกินไป
4.2 ขาดความพร้อมที่จะรับสาร
4.3 ผู้รับสารมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้ส่งสาร
4.4 ผู้รับสารมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสาร
4.5 ผู้รับสารมีความคาดหวังในการสื่อสารสูงเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น